post-title

ทำไมทารกแรกเกิดถึงอาเจียน และวิธีป้องกันกรดไหลย้อน

     คุณแม่อาจจะสงสัยกันอยู่ใช่ไหมคะว่าทำไมทารกแรกเกิดถึงอาเจียน🤮และยังสามารถเป็นกรดไหลย้อนได้เหมือนผู้ใหญ่อีกด้วย วันนี้ทางเราจะพาคุณแม่ไปหาคำตอบและวิธีป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนในเด็กเล็กพร้อมๆกันค่ะ💁‍♀️


สาเหตุที่ทำให้ทารกแรกเกิดเป็นกรดไหลย้อน

👉เป็นเพราะหูรูดหลอดอาหารอาจจะยังพัฒนาไม่เต็มที่

เด็กทารก ก็เป็นโรคกรดไหลย้อนได้ เพราะหูรูดหลอดอาหารอาจจะยังพัฒนาไม่เต็มที่ มีกล้ามเนื้อหูรูดที่อ่อนแอ ทำให้ไม่สามารถปิดกั้นอาหารที่ย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ การที่เด็กเป็นกรดไหลย้อน มาจากการที่มีอาหารไหลย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหาร🤮 เมื่อมีอาการเช่นนี้บ่อย ๆ ซึ่งเด็กหลายคนอาจมีอาการเกือบทุกวันหรือทุกสัปดาห์ จะทำให้หลอดอาหารอักเสบจากกรดในกระเพาะอาหารได้ 

🔎วิธีสังเกตหากทารกมีอาการกรดไหลย้อน

พ่อแม่ต้องหมั่นสังเกต หากพบว่าลูกชอบบ้วนหรือแหวะอาหารออกมาบ่อยๆ ร้องกวนแบบไม่ทราบสาเหตุบ่อยๆ😭  หรือในเด็กที่โตพอที่จะพูดรู้เรื่องบ่นว่าแสบท้องหรือปวดท้อง แต่อาการส่วนใหญ่ในเด็กเล็กคือมักจะบ้วนอาหารออกมา 


การวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนในทารก

โรคกรดไหลย้อนในเด็กทารกจะสามารถทำได้ด้วย 2 วิธีดังต่อไปนี้

✨1.การตรวจเอกซเรย์ระบบทางเดินอาหาร

ด้วยการกลืนแป้งแบเรียม เพื่อหาสิ่งอุดตันในหลอดอาหาร กระเพาะและลำไส้ 

2.การตรวจวัดค่าความเป็นกรด impedance 

เพื่อวัดการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหาร (ใช้เวลาในการวัดประมาณ 24 ชั่วโมง)


วิธีป้องกันและรักษากรดไหลย้อนในทารก

👉สามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

บ่อยครั้งที่เมื่อลูกน้อยโตขึ้นหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะทำงานเป็นปกติ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเล็กน้อยจะช่วยจัดการกับโรคกรดไหลย้อนได้ โดยการทานอาหารมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อย ๆ การให้ลูกน้อยทานนมแม่ก็มีประโยชน์ โดยควรให้ทีละน้อยแต่บ่อย ๆ  และอาจให้ทานควบคู่กับนมสำหรับทารกที่เติมผงหนืด🍼 เป็นต้น เพื่อไม่ให้อาหารไหลย้อนขึ้นหลอดอาหาร  เวลาคุณแม่ให้นม ควรประคองลูกน้อยให้ศีรษะสูงขึ้น 30 องศา🤱 เพื่อป้องกันอาหารไหลกลับ และให้ลูกนั่งประมาณ 30 นาทีหลังรับประทานอาหารก่อนให้นอนราบ ถ้าลูกน้ำหนักลดหรือยังโยเยหลังจากปรับวิถีชีวิตแล้ว แพทย์อาจแนะนำให้กินยาลดกรดไหลย้อน 

     อย่างไรก็ตาม เรื่องสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ คือคนในบ้าน คุณพ่อคุณแม่ หรือพี่เลี้ยงไม่ควรสูบบุหรี่🚬เพราะมีผลต่อการเกิดโรคได้ โดยการรักษากรดไหลย้อนที่ดีที่สุด คือควรพาลูกไปพบแพทย์โดยทันทีค่ะ