post-title

ลูกติดจอมือถือ! มีผลเสียอย่างไร?

ปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวไกลไปมากและได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนเราไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตการทำงาน และผู้ปกครองบางคนก็ใช้เทคโนโลยีนี้เข้ามาเป็นตัวช่วยให้การเลี้ยงลูก โดยให้ลูกเล่นมือถือ แท๊บแล็ตเหล่านี้ ซึ่งหลายๆครั้งเครื่องเหล่านี้ก็มีโทษมากกว่าประโยชน์เมื่อลูกยังไม่มีวุฒิภาวะพอ และยังอาจส่งผลต่อร่างกายอีกด้วย


วัยรุ่นและผู้ใหญ่อยู่นิ่งกันเยอะขึ้น 

รายงานของกรมสุขภาพจิต

จากรายงานของกรมสุขภาพจิตพบว่าวัยรุ่นมากกว่า 80% และผู้ใหญ่มากกว่า 23% พบว่าขาดกิจกรรมทางกายภาพและมีพฤติกรรมนิ่งมากกว่าที่ควรจะเป็น กรมสุขภาพจิตได้ให้คำแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก🌎ที่ลดพฤติกรรมเนือยนิ่งอย่างการนั่งเฉยๆ หรือการดูโทรศัพท์ โทรทัศน์ นั่งติดกับสายรัดในรถเข็น แล้วให้เปลี่ยนเป็นพฤติกรรมที่มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น อย่างการออกกำลังกาย🏃 รวมถึงให้กำหนดเวลาในการเล่นหน้าจอ📱 อย่างจริงจังและควรให้ลูกได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างความผูกพันกับลูกโดยการพาไปเดินเล่น 

การติดเทคโนโลยีมีข้อเสีย

ผลการศึกษายังพบว่าเด็กเล็ก👶ที่ติดหน้าจอ📱  หรือมีพฤติกรรมใช้มือถือต่างๆ มีแนวโน้มที่จะได้คะแนนพัฒนาการทางอารมณ์และปัญญาที่ค่อนข้างต่ำกว่าเด็กที่ไม่ได้อยู่กับเทคโนโลยีเหล่านี้


เวลาการทำกิจกรรมที่แนะนำ 

ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกได้แนะนำให้เด็กแต่ละวัยมีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ช่วงอายุ 1-5 ขวบ ซึ่งแบ่งกิจกรรมได้ทั้งหมด 3 รูปแบบคือ การเคลื่อนไหว การนอน การใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีประเภทที่มีจอ โดยแบ่งได้เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ เด็กอายุ 1-2 ขวบ เด็กอายุ 3-4 ขวบ 

เด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ

การเคลื่อนไหว🏃

ควรจะมีการเคลื่อนไหวหลายๆครั้งและควรจะเคลื่อนไหวติดต่อกันประมาณ 30 นาที

การนอน💤

เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ขวบควรนอนวันละประมาณ 14-17 ชั่วโมง

การใช้หน้าจอ📱

เด็กในวัยนี้ไม่ควรให้ใช้มือถือหรืออุปกรณ์ใดๆเด็ดขาด โดยให้คุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้ฟังแทนจะดีกว่า

เด็กอายุ 1-2 ขวบ

การเคลื่อนไหว🏃

เด็กในวัยนี้ควรมีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างน้อย 180 นาที ต่อวัน 

การใช้หน้าจอ📱

สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบนั้นยังไม่แนะนำให้ใช้หน้าจอ และสำหรับเด็กที่มีอายุ 2 ขวบ ควรจำกัดไม่ให้ลูกเล่นเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน 

การนอน 💤

เด็กอายุ 1-2 ขวบ ควรได้รับการนอนหลับพักผ่อนประมาณ 11-14 ชั่วโมงต่อวัน

เด็กอายุ 3-4 ขวบ

การเคลื่อนไหว🏃

เด็กที่มีอายุ 3-4 ขวบควรมีการเคลื่อนไหวร่างกายโดยเน้นกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก อย่างน้อยวันละ 180 นาที

การใช้หน้าจอ📱

ควรจำกัดการใช้หน้าจอเพียง 1 ชั่วโมงต่อวัน

การนอน💤

ควรให้เด็กได้มีการนอนประมาณ 10-13 ชั่วโมงต่อวัน

สรุปแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ลูกได้เคลื่อนไหวมากกว่าการให้ใช้มือถือเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้ลูกได้พัฒนาความฉลาดทางปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ ดังนั้นเป็นไปได้ก็ควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกใช้เทคโนโลยีตั้งแต่ยังเล็ก เพราะการส่งเสริมสุขภาพที่ดีควรจะทำตั้งแต่ลูกยังเล็กเพราะมันจะส่งผลไปยังสุขภาพกายและสุขภาพจิตในตอนโตนั่นเองค่ะ